สิ่งที่นักเดินทางควรรู้ก่อนเดินทาง
ระยะเวลายื่นวีซ่าเดินทางล่วงหน้า
การเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ต้องขอวีซ่า (ส่วนประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าเดินทาง คนไทยไปได้) นักเดินทางทั้งหลายควรจะเตรียมตัวขอวีซ่า ก่อนวันเดินทาง อย่างน้อย 30 วัน เหตุผลเพราะ โดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ละสถานทูตจะใช้เวลา พิจารณาวีซ่าอย่างน้อย 15 วันทำการ (ไม่นับเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดต่างๆ) ซึ่งยังไม่รวมถึงเวลาในการเตรียมเอกสารของผู้เดินทาง
คิววันเวลาที่ว่างในการยื่นขอวีซ่า
จำนวนคนที่ยื่นขอวีซ่าในช่วงเวลานั้นๆ ว่ามีจำนวนมากกว่าปกติหรือไม่ กรณีใช้บริการเอเจ้นท์ให้ช่วยกรอกแบบฟอร์ม ก็ต้องเพิ่มจำนวนวันขึ้นไปอีก ดังนั้น ถ้าหากเราเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เราก็ไม่ต้อง มาคอยลุ้นว่า จะได้วีซ่าทันวันเดินทางหรือเปล่า โดยส่วนใหญ่แต่ละประเทศ จะอนุญาตให้เราขอวีซ่าล่วงหน้า ได้ไม่เกิน 90 วัน ก่อนกำหนดการเดินทาง
เตรียมตั๋วเครื่องบินและที่พัก
อย่าลืมว่า ทางสถานทูตต้องการแค่ ใบจองตั๋วเครื่องบิน และใบจองโรงแรม เท่านั้น ไม่ได้ให้เราจ่ายเงิน ซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือจ่ายเงินค่าโรงแรมที่พักเลย เพราะถ้าทางสถานทูต อนุมัติวีซ่าให้ไม่ทัน วันที่เราต้องการเดินทาง หรือปฏิเสธการให้วีซ่ากับเรา เท่ากับว่า เราต้องเสียเงินค่าตั๋วเครื่องบิน และ ค่าโรงแรมไปฟรีๆ ซึ่งทางสถานทูต จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะสถานทูตได้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เอกสารการจองโรงแรม/ตั๋วเครื่องบิน แต่ในเอกสารก็จะต้องมีชื่อเรา ปรากฎอยู่ในเอกสารด้วย ซึ่งจะต้องสะกดชื่อและนามสกุล ให้ตรงกับที่เราระบุไว้ในหนังสือเดินทาง และอย่ายกเลิกการจองที่ทำไว้ ก่อนผลของ วีซ่าจะออก
ขอวีซ่าเดินทางต้องมีเงินในบัญชีแค่ไหน
จำนวนเงินในบัญชี ที่จะมาใช้ยื่นขอวีซ่า ควรมีให้เพียงพอกับ จำนวนวันที่จะไปเที่ยว เช่น จะไปเที่ยวยุโรป 15 วัน แต่มีเงินแสดงในบัญชี แค่หลักพันบาท อย่างนี้มันก็ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะถึงจะอ้างว่า แฟนออกค่าใช่จ่ายให้ทุกอย่าง แต่ถ้าหากระหว่างนั้น คุณแฟนเกิดเปลี่ยนใจ แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่า เอาเงินหลักแสนใส่ตู้มเข้าบัญชีทีเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเงินเข้าแบบนี้เลย อย่างนี้สถานทูตไม่โอเคนะคะ ยกเว้น แต่ว่าคุณได้รับเงินก้อนนั้นมาช่วงดังกล่าวพอดี และมีหลักฐานมาแสดง เช่น ขายบ้านหรือที่ดินได้ ถูกล็อตเตอรี่ ได้รับโบนัสหรือมรดก เป็นต้น ก็ให้ทำหนังสือชี้แจงแนบไปด้วย
รูปถ่ายใช้ยื่นวีซ่าเดินทาง
ในปัจจุบันเกือบทุกสถานทูต ต้องการให้ รูปถ่าย ที่นำมาใช้ยื่นขอวีซ่านั้น ห้ามใส่แว่นตา ต้องเห็นใบหน้าและหู รวมทั้งคิ้ว ของผู้เดินทางอย่างชัดเจน ฉากหลังรูปสีขาว ดังนั้นไม่ควรใส่เสื้อสีขาว อีกทั้งรูปถ่ายที่นำมาใช้ยื่นขอวีซ่า จะต้องถ่ายภายใน 3-6 เดือนที่ผ่านมา (ขึ้นอยู่กับประเทศที่ยื่นขอ) และ ห้ามใช้รูปซ้ำ กับรูปที่เคยมีอยู่ใน หนังสือเดินทางแล้ว หรือถ้าเป็นรูปใหม่ ก็ไม่ควรใส่เสื้อซ้ำกับรูปที่เคยใช้แล้ว มิเช่นนั้นจะถือว่า รูปไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้เราต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน ในการถ่ายรูปใหม่
บางประเทศก็ไม่ต้องนำภาพถ่ายไปเอง จะต้องไปถ่ายที่ศูนย์ยื่นเท่านั้น เช่น ตัวแทนศูนย์ยื่น VFS วีซ่าอังกฤษ เป็นต้น
อายุวีซ่าเดินทางที่จะได้
ในส่วนอายุวีซ่า ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละคน และ การพิจารณา ของสถานทูต บ้างก็ได้เท่ากับ จำนวนวัน เดินทาง บ้างก็ได้ 15 วัน หรือ 30 วัน บ้างก็ 90 วัน หรือ 1 ปี หรือ จนถึงวันที่พาสปอร์ต ของเราหมดอายุแต่จำนวนวันที่จะพักอยู่ในประเทศนั้นๆได้ในแต่ละครั้ง (duration of stay) จะไม่เกิน 90 วัน หรือตามที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ระบุไว้ในตราประทับขาเข้า (landing stamp)
โปรดทราบว่า การได้รับวีซ่า หรือการได้รับฟรีวีซ่าไม่ได้เป็นการการันตีว่าเราจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศนั้นๆ เพราะสิทธิ์ในการให้เข้าประเทศ จะขึ้นอยู่กับการตรวจสอบ และดุลยพินิจของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เท่านั้น
ข้อคิดเมื่อจะยื่นขอวีซ่าเดินทาง
เตรียมเอกสารให้พร้อม ครบถ้วน ตามที่ประเทศนั้นๆ ต้องการ ให้ข้อมูลที่เป็นจริง เพราะทางสถานทูตสามารถวิเคราะห์ คุณสมบัติของท่านจากเอกสารที่ยื่นขอวีซ่า หรือการสัมภาษณ์ หรือการตรวจสอบ ซึ่งอาจจะเป็นผลให้ท่านไม่ผ่านในการขอวีซ่า การให้ข้อมูลที่เป็นจริง เช่น ถ้ามีคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็น ญาติ เพื่อน หรือ แฟน ก็ควรแจ้งไปตามตรง สมมุติถ้าแจ้งว่า ไม่มีคนรู้จักในประเทศที่จะเดินทางไป แต่ทำใบจองโรงแรมมา 90 วัน โดยที่ตนเองไม่เคยมีประวัติการเดินทางครั้งละนานๆ มาก่อน ก็เป็นเหตุให้ทางสถานทูตสงสัยการเดินทางครั้งนี้ของท่าน ซึ่งก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ท่านถูกปฏิเสธการให้วีซ่าได้
ยังไงฉันก็กลับแน่ แสดงหลักฐานภาระผูกพัน เช่น ยังมีลูกเล็กๆ มีโฉนดที่ดิน การงานที่ทำอยู่ เป็นต้น
ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ
ถ้าหากเราไปยื่นขอวีซ่าประเทศในกลุ่มเชงเก้น เราจำเป็นต้องทำประกันภัยการเดินทางต่างประเทศด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งในเอกสารสำคัญ ในการยื่นขอวีซ่า สาเหตุที่ประเทศในกลุ่มเชงเก้นบังคับให้ ผู้เดินทางต้องทำประกันภัยการเดินทาง เนื่องจากค่ารักษาพยาบาล ในต่างประเทศนั้นแพงกว่าบ้านเรามาก ซึ่งถ้าเราเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทางท่องเที่ยว นอกจากจะทำให้หมดสนุกแล้ว ยังจะต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาล จำนวนมากอีกด้วย การทำประกันภัยการเดินทางต่างประเทศนั้น มีให้เลือกหลายบริษัทและหลายความคุ้มครอง ขึ้นอยู่กับงบประมาณในกระเป๋าของเรา กรณียื่นวีซ่าเชงเก้น เราจำเป็นต้องเลือกแผนประกันภัย ที่มีความคุ้มครองตามที่กลุ่มประเทศเชงเก้นกำหนด หรือคุ้มครองมากกว่า รวมทั้งจะต้องซื้อกรมธรรม์ประกันภัย จากบริษัทประกันภัยที่กลุ่มประเทศเชงเก้นให้การรับรองด้วย และจะต้องซื้อกรมธรรม์ให้ครอบคลุม ระยะเวลาในการเดินทางทั้งหมดของเรา โดยนับตั้งแต่ วันที่เดินทางออกจากประเทศไทย จนถึง วันที่เดินทางถึงประเทศไทย แล้วถ้าไม่ได้ไปเที่ยวประเทศในกลุ่มเชงเก้น ต้องทำประกันภัยการเดินทางหรือไม่ ตอบเลยว่า ควรทำ เพราะเราไม่รู้ว่า จะมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นกับเราระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวหรือเปล่า เดี๋ยวนี้บางบริษัทประกันภัยมีแผนคุ้มครอง สำหรับผู้เดินทางในเอเชียด้วย ซึ่งค่าธรรมเนียมก็จะถูกกว่าแผนที่เดินทางไปยุโรป หรือ ประเทศอื่นๆทั่วโลก ดังนั้นการทำประกันภัยทุกครั้งที่มีการเดินทางไปต่างประเทศ จึงอุ่นใจกว่า
ช่องทางการขอวีซ่าเดินทาง
แต่ละประเทศนั้น ก็แตกต่างกันไป เช่น ขอผ่านทางสถานทูตที่ตั้งอยู่ในไทย ถ้าไม่มีสถานทูตในไทยก็ต้องดูว่า มีประเทศไหน ที่รับผิดชอบในการขอ ยกตัวอย่างเช่น ที่ศูนย์รับยื่น VFS อังกฤษ จะรับยื่นวีซ่าเดินทางประเทศในเขตการปกครอง ของอังกฤษ
ดังนี้ แองกวิลลา (Anguilla), แอนติกาและบาร์บูดา (Antigua and Barbuda), บาฮามาส (The Bahamas), เบลีซ (Belize), เบอร์มิวดา (Bermuda), บอตสวานา (Botswana), หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (British Virgin Islands), หมู่เกาะเคย์แมน (Cayman Islands), โดมินิกา (Dominica), หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ (Falkland Islands), แกมเบีย (The Gambia), กานา (Ghana), ยิบรอลตาร์ (Gibraltar), เลโซโท (Lesotho), มาลาวี (Malawi), เซนต์ลูเซีย (Saint Lucia), เซียร์ราลีโอน (Sierra Leone), สวาซิแลนด์ (Swaziland), ตรินิแดดและโตเบโก (Trinidad and Tobago), หมู่เกาะเติกส์และหมู่เกาะเคคอส (Turks and Caicos Islands) ทั้งหมดนี้ เอกสารที่ใช้เหมือนกับการยื่นขอวีซ่าอังกฤษ หรือ สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย รับผิดชอบการยื่นคำร้อง ขอวีซ่าไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์ และ หมู่เกาะแฟโร เป็นต้น
ขอผ่านศูนย์รับคำร้อง ซึ่งศูนย์เหล่านี้ถูกแต่งตั้งโดยสถานทูตประเทศนั้นๆ เพื่อจัดการด้านเอกสาร ก่อนจะส่งต่อให้ทางสถานทูต
ขอวีซ่าเดินทาง ผ่านระบบออนไลน์ ในยุคนี้ บางประเทศ ก็ให้สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าเดินทางผ่านระบบออนไลน์ได้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
ขอวีซ่าเดินทางที่ปลายทาง หรือที่เรียกว่า Visa on Arrival ไปถึงแล้วก็นั่งกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า และจ่ายธรรมเนียมการขอวีซ่าด้วย วิธีนี้ ต้องมั่นใจซะหน่อยว่าผ่าน คือถ้าไม่ผ่านก็เป็นเรื่อง คือเสียค่าตั๋วเครื่องบินฟรี เพราะเขาไม่ให้เข้าประเทศ
ดังนั้นควรค้นหาข้อมูลให้พร้อมก่อน คุณสามารถค้นหาข้อมูลบางส่วนได้จากที่เว็บไซต์ของเรา https://www.wanderro.co/